เด็กติดขวดนม
👧🏻 ปัญหาเด็กติดขวดนม เพราะเด็กแต่ละคนมีความพร้อมในการเลิกขวดนมต่างกัน หรือบางคนอาจเลิกขวดนมได้เองตามธรรมชาติโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ อย่างไรก็ตาม หากเด็กมีอาการติดขวดนม การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนก็สมควรต้องเกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะหากปล่อยไว้ ยิ่งเวลาผ่านไป เด็กจะยิ่งติดขวดนมมากยิ่งขึ้นจนทำให้การเลิกขวดนมกลายเป็นเรื่องที่ยาก โดยในบางกรณี พ่อแม่อาจต้องปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย เพราะปัญหาเด็กติดขวดนมอาจเป็นต้นเหตุของปัญหาเรื้อรังที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก ซึ่งได้แก่ “โรคฟันผุ” จนอาจกล่าวได้ว่าปัญหาเด็กติดขวดนมและโรคฟันผุเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กไม่สามารถเข้านอนในเวลากลางคืนได้โดยไม่มีขวดนม ทั้งนี้เพราะหากเด็กดูดนมจากขวดเป็นระยะเวลานาน หรือมีน้ำนมค้างอยู่ในช่องปากเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลให้เกิดกรดที่ทำลายผิวฟันจนเกิดฟันผุ ทั้งนี้โรคฟันผุอันเกิดจากขวดนมของเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาฟันผุชนิดรุนแรงในเด็กปฐมวัย มักตรวจพบได้ง่ายบริเวณด้านหลังของฟันหน้าและฟันกรามล่าง ซึ่งเป็นฟันส่วนที่สัมผัสจุกนมมากที่สุด รวมถึงเป็นส่วนที่น้ำนมติดค้างอยู่มากที่สุด โดยหากเด็กฟันผุจนถึงขั้นจำเป็นต้องได้รับการถอนฟัน ปัญหาอื่นที่อาจตามมาได้ เช่น การเคี้ยวและกลืนอาหารที่ไม่ปกติ การพูด รวมถึงส่งผลกระทบต่อการงอกของฟันแท้ เช่น ฟันแท้อาจไม่ขึ้น หรือเกิดปัญหาฟันคุด และอาจทำให้ฟันแท้เรียงตัวไม่สวยงามอีกด้วย
👧🏻โดยปกติแล้ว เด็กควรจะเลิกขวดนมได้เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงก่อนวัยเรียน ดังนั้น จึงหมายความว่า โรงเรียนจะยังไม่มีบทบาทในปัญหาติดขวดนมในเวลาดังกล่าว เว้นเสียแต่ว่าปัญหาติดขวดนมจะติดตัวเด็กเรื่อยมาจนกระทั่งเด็กเริ่มเข้าโรงเรียน ครูจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาให้กับเด็ก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพราะนิสัยติดขวดนมที่พบในเด็กที่เริ่มไปโรงเรียน ย่อมสะท้อนถึงระดับปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
แนวทางแก้ไขปัญหา
🍎ประสานกับผู้ปกครอง โดยให้ความรู้และขอความร่วมมือในการใช้เทคนิควิธีการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กเลิกขวดนม ทั้งนี้ ความรู้ความเข้าใจของผู้ปกครองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ว่าเด็กควรจะเลิกขวดนมเมื่อไหร่ เพราะเหตุใด และจะสามารถช่วยได้อย่างไรบ้าง
🍎 กระตุ้นพฤติกรรมพึงประสงค์ด้วยการให้รางวัล ชมเชย รวมถึงใช้การเรียนรู้ทางอ้อม ผ่านนิทาน สื่อการสอน และจากสังคมรอบข้างคือเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน เพื่อให้เด็กเห็นถึงประโยชน์ของพฤติกรรมพึงประสงค์และโทษของพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
🍎 จัดกิจกรรมให้เด็กทำเพื่อดึงความสนใจของเด็กจากขวดนม การปล่อยให้เด็กติดขวดนมจะทำให้เด็กขาดโอกาสที่จะได้ทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเล่นของเล่นและพูดคุยกับผู้อื่น ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
🍎 ส่งเสริมสุขอนามัยทางช่องปาก ด้วยการให้เด็กแปรงฟันและใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุที่อาจเกิดขึ้น
🍎 ไม่อนุญาตให้เด็กนำขวดนมมาโรงเรียน โดยขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น